tag:blogger.com,1999:blog-17653422630797723822024-03-13T06:49:48.340-07:00สถาปนิกอาสาสถาปนิก(จิต)อิสระ (free-architect)Unknownnoreply@blogger.comBlogger20125tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-45711170035105080782012-05-01T19:45:00.000-07:002012-05-01T19:46:05.795-07:00สิ่งที่ต้องทำก่อนหน้าฝน ตอนที่1<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-K66gc4mxxYE/T6Cfvv2Pe_I/AAAAAAAAALA/OETOSCvxxJo/s1600/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B32.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="320" width="240" src="http://4.bp.blogspot.com/-K66gc4mxxYE/T6Cfvv2Pe_I/AAAAAAAAALA/OETOSCvxxJo/s320/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B32.jpg" /></a></div>
สงกรานต์ผ่านไปอย่างร้อนระอุเลยครับ ใบไม้ใบหญ้าก็แห้งกรอบและร่วงกันมาก คงรอผลิใบพร้อมหน้าฝนที่จะมาเร็วๆนี้แหละครับ แต่ก่อนฝนจะมาเราคงต้องมาตรวจสอบสภาพบ้านก่อนครับว่าพร้อมรับมือกับหน้าฝนนี้หรือเปล่า เริ่มกันที่หลังคาก่อนครับ ตรวจสอบว่ามีรอยรั่วหรือแตกร้าวบ้างไหมถ้ามีก็จัดการเปลี่ยนซะก่อนเลย(รายการนี้เรียกใช้บริการช่างมืออาชีพเถอะนะครับ..อันตราย) หลังจากตรวจสอบหลังคาแล้วอย่าลืมตรวจสอบ รางน้ำฝน เป็นรายการต่อไป หมั่นตรวจดูเศษใบไม้แห้งที่มาค้างอยู่ว่าอุดรูท่อน้ำทิ้งหรือเปล่า จัดการเอาออกแล้วเทน้ำราดเศษผงตกค้างออกให้หมดเลยครับ ให้ช่างที่ทำหลังคาทำให้พร้อมกันตอนที่ตรวจสอบหลังคาก็ได้ครับสะดวกดี ถ้าที่บ้านท่านมีต้นไม้ใหญ่อยู่ใกล้บ้านแนะนำว่าให้ซื้อตะแกรงลวดกรงไก่ขนาดตาเล็กๆซัก 1×1 ซม.มาครอบรางน้ำฝนตลอดแนวก็พอช่วยได้ครับ(เดี๋ยวนี้มีขายสำเร็จแล้ว) หรืออาจจะตัดแต่งกิ่งไม้ที่ล้ำเข้ามาบนหลังคาออกบ้างก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้เช่นกัน……รอติดตามตอนที่ 2 นะครับ
ภาพจาก :www.akekaluck.comUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-16152218615545836452011-09-22T08:45:00.000-07:002011-09-22T08:46:02.185-07:00ปัญหา....หลังน้ำท่วม ตอนที่ 4<b>เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า จมน้ำหมดเลย ทำไงดี</b>
สิ่งที่ท่านถามมาทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า มอเตอร์ หรือเครื่องกลต่างๆ (อาจจะรวมได้ไปจนถึงรถยนต์ด้วยก็ได้) ล้วนแต่เป็นเครื่องจักรกลที่อย่างเราอย่างท่านไม่น่าประมาท หรือรู้มากเข้าไปแก้ไขซ่อมแซมเอง ขอความกรุณาอย่าเพิ่งใช้ (หากไม่จำเป็นจริงๆๆๆๆ) หากโดน<b>น้ำท่วม</b>แล้ว น้ำเจ้ากรรมไหลเข้าไปในเครื่องเรียบร้อยแล้ว (แถมยังแช่ไว้ด้วย) ถอดออกไปให้ช่างผู้รู้เขาตรวจสอบดูก่อนดีกว่า กรุณาอย่าประมาทเอาไปตากแดดแล้วคิดว่าแห้งแล้วเลยนำไปใช้ต่อ เพราะความชื้นบางส่วนอาจจะฝังอยู่ข้างใน พอเครื่องกลนั้นทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้า อาจทำให้เกิดปัญหากับตัวบ้านหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากแม้นจำเป็นจริงๆ (ซึ่งผมหวังว่าคงจะไม่มี) ยามจะใช้เครื่องกลเหล่านั้นน่ามีข้อคิด 3 ประการ คือ
1. ตลอดเวลาที่ใช้ต้องมีผู้ใหญ่อยู่ไกล้ๆเสมอ เิดอะไรผิดปกติขึ้นมาต้องดับเครื่องปิดเครื่องทันที
2. ที่คัทเอ๊าท์ไฟฟ้าหลักของบ้าน จะต้องมีฟิวส์ที่มีคุณภาพติดตั้งอยู่เสมอ เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ต้องแน่ใจว่าวงจรไฟฟ้าจะถูกตัดออก
3. เมื่อไรไม่จำเป็นจริงๆแล้ว พอมีเวลาบ้าง และพอมีงบประมาณ กรุณานำไปให้ช่างผู้รู้ตรวจสอบเสียUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-984302129569676392011-09-19T06:24:00.000-07:002011-09-19T07:54:18.557-07:00ปัญหา....หลังน้ำท่วม ตอนที่ 3<b> วอลล์เปเปอร์ และผ้าม่านจมน้ำ เป็นคราบน่าเกลียด แก้ยังไง</b>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-cwtwMYr7ejs/TndCg2toxpI/AAAAAAAAAKs/Y1Qif-HPHDo/s1600/wall%2Bpaper.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="248" width="320" src="http://1.bp.blogspot.com/-cwtwMYr7ejs/TndCg2toxpI/AAAAAAAAAKs/Y1Qif-HPHDo/s320/wall%2Bpaper.jpg" /></a></div>
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับท่านว่า ท่านคงเป็นผู้มีฐานะบ้าง และคงไม่เดือดร้อนแสนสาหัสดังเช่นประชาชนที่ถูกภัยน้ำท่วมส่วนใหญ่ของประเทศ
เรื่องผ้าม่านคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่จะซ่อมแซมดูแล ก็เหมือนกับเสื้อผ้าทั่วไปที่ถูกน้ำท่วม หากแม้นสามารถถอดออกมาซักทำความสะอาดได้ ก็ดำเนินการเสีย แต่หากสกปรกมากและเปื่อยยุ่ย ท่านก็คงต้องหาซื้อมาเปลี่ยนตามสมควร
ส่วนเรื่องวอลล์เปเปอร์นั้น ก็เหมือนกับเรื่องสี หากมีปัญหาเรื่องลอกเรื่องล่อนก็ทำการลอกออกเสีย เพื่อให้ความชื้นในผนังนั้นสามารถระเหยออกมาได้ง่าย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งวอลล์เปเปอร์ที่ทำด้วยไวนีลหรือวัสดุประเภทยาง น่าจะต้องรีบลอกออกเพราะเป็นตัวกักความชื้นในผนังได้อย่างดี ) เมื่อผนังแห้งหมดแล้ว แห้งดีแล้ว จึงให้ช่างปูวอลล์เปเปอร์มาลอกออกแล้วปิดทับเข้าไปให้งดงามครับUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-32747129702994712122011-09-15T09:30:00.000-07:002011-09-15T10:11:42.474-07:00ปัญหา....หลังน้ำท่วม ตอนที่ 2<b>สีทาบ้าน ทั้งสีน้ำ สีพลาสติก สีน้ำมัน ฯลฯ ต้องทำอย่างไรบ้าง</b>
เรื่องของการแก้ไขเกี่ยวกับสีทาบ้าน ขอให้เป็นสิ่งสุดท้ายหรือเกือบสุดท้ายที่เราจะซ่อมแซมบ้าน กรุณาอย่าอายใครที่เขาจะมาหาว่าบ้านเราสีกระดำกระด่าง หรือสีลอกเป็นขี้กลาก ปล่อยคนที่เขาดูถูกเราไปเถอะ เพราะเรื่องน้ำท่วมมิใช่กรรมของเราที่ก่อขึ้นมา (อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทางตรง) เขาจะว่าอะไรจะดูถูกอย่างไรก็ปล่อยเขาไป (แล้วทำบุญกรวดน้ำให้เขา ลดอวิชชาที่ครอบงำจิตใจเขาด้วย)
สีทุกชนิดที่เราใช้ทาบ้าน (ไม่รวมสีทาเรือ สีทาเครื่องบิน สีทาภายในถังน้ำ) เมื่อถูกความชื้นหนักๆอย่างน้ำท่วมคราวนี้จะต้องมีอันเป็นไปเกือบทุกที .....ข้อคิดสำคัญในเรื่องของสีทาบ้านก็คือปัญหาของสีลอกสีล่อน หลักๆไม่เกิดเพราะคุณภาพของสี แต่เกิดจากความไม่พร้อมของพื้นผิวที่ทาสี หากพื้นผิวที่จะทาสีเกิดความชื้นหรือมีสิ่งสกปรกติดอยู่ ทาสีทับลงไปอย่างไรก็ลอกก็ล่อนออกหมด
ดังนั้นขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทาสี ทำความสะอาดหรือลอกสีเดิมออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ลอกเฉพาะตรงที่มีปัญหาไม่ใช่ลอกหมดทั้งบ้าน) ทิ้งไว้นานๆ(อาจจะหลายเดือนจนถึงหน้าแล้งฤดูร้อนก็นับว่าไมาสายเกินไป)Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-72415645214566126892011-09-14T05:34:00.000-07:002011-09-22T08:45:49.896-07:00ปัญหา....หลังน้ำท่วม ตอนที่ 1 สวัสดีครับวันนี้สถาปนิกอาสาขอนำบทความดีๆของ อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหลังน้ำท่วมที่เกิดขึ้นภายในบ้าน มาให้อ่านกันเห็นว่ามีประโยชน์และเข้ากับสถานการณ์ในขณะนี้
<b>พื้นหลังน้ำท่วม ทั้งพรมทั้งกระเบื้อง ทั้งหินอ่อนหินขัด สกปรกจัง</b>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-STSoTtO26S8/TnCgJ0i25yI/AAAAAAAAAKk/NBBWKYPGmPs/s1600/only-43-01.jpg" imageanchor="1" style="clear:left; float:left;margin-right:1em; margin-bottom:1em"><img border="0" height="179" width="320" src="http://4.bp.blogspot.com/-STSoTtO26S8/TnCgJ0i25yI/AAAAAAAAAKk/NBBWKYPGmPs/s320/only-43-01.jpg" /></a></div>
พื้นสกปรกก็ขอให้ทำความสะอาดเสียก็จบเรื่อง แต่ความน่าสนใจสำหรับพื้นที่ถูกน้ำท่วมก็คือวัสดุปูพื้นที่เสียหายต่างหาก เคยพูดไว้ในข้อต้นๆว่า หากพื้นไม้ปาร์เก้ถูกน้ำท่วมจะต้องทำอย่างไร แก้อย่างไร ตอนนี้อยากจะเล่าให้ทราบถึงเรื่องพื้นปูพรม หากถูกน้ำท่วมคงจะต้องรื้อพรมออกทั้งหมด เพราะปล่อยไว้จะเกิดอาการ "พรมเน่า" ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนท่านชั่นาตาปีทีเดียว เมื่อลอกพรมออกแล้ว นำพรมไปซักและตากแดดให้แห้งแล้วจึงนำมาปูใหม่ (พรมอาจจะยืดจะหดไปบ้างคงจะต้องยอมรับสภาพครับ)
สิ่งสำคัญก็คือตอนที่จะปูทับกลับไป ต้องมั่นใจว่าพื้นคอนกรีตของเรานั้น จะต้องแห้งเพียงพอ มีเวลาให้ความชื้นที่สะสมไว้ในตัวคอนกรีตระเหยออกมาเสียก่อน Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-2801764639316444152011-09-11T07:05:00.000-07:002011-09-11T07:28:19.803-07:00สถาปนิก จะช่วยคนบ้านน้ำท่วมได้อย่างไรบ้างบทความนี้เป็นของท่านอาจารย์ <span style="font-weight:bold;">ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์</span> ซึ่งประกาศต่อสังคมเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมของสถาปนิกไทยได้อย่างชัดเจน ซึ่งบทความนี้เป็นบทความสุดท้ายของหนังสือพอกเก็ตบุ๊คพิมพ์แจกของ มูลนิธิซีเมนต์ไทย ชื่อ " <span style="font-weight:bold;">บ้านหลังน้ำท่วม</span> " ร้อยพันปัญหาหลังกระแสน้ำลด<br /> <b>สถาปนิก</b>เป็นคนไทยคนหนึ่ง สถาปนิกเป็นส่วนหนึ้งของสังคม สถาปนิกส่วนใหญ่ของประเทศนี้ร่ำเรียนวิชาติดตัวมา ก็เพราะภาษีราษฎรไทย.....จึงเป็นหน้าที่และภาระกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งที่ลับและที่แจ้งของสถาปนิก ที่จะต้องรับใช้ช่วยเหลือประชาชนในวิชาชีพที่ตนเองเมื่อยามที่ ประชาชนต้องการ<br /> สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นสมาคมของเหล่าสถาปนิกในประเทศไทย ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเหลือทุกท่านที่เดือดร้อนเกี่ยวกับบ้านหลังน้ำท่วม ตามแนวทางวิชาชีพสถาปัตยกรรมที่ร่ำเรียนมา หากท่านมีปัญหากรุณาติดต่อได้ที่<br /><br /> สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์<br /> 248/1 ซอยโรงเรียนญี่ปุ่น ถนนพระรามที่ 9<br /> เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310<br /> โทรศัพท์ 02-3196555<br /> www.asa.or.thUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-33762495825159964042011-07-19T02:04:00.000-07:002011-07-19T02:23:47.345-07:00ผนังบ้านชั้นล่างชื้นจนสีหลุดล่อน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-Zll3ckiDA4o/TiVMs8pjXMI/AAAAAAAAAKM/ANycwfDapCs/s1600/garden.JPG"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 261px; height: 320px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-Zll3ckiDA4o/TiVMs8pjXMI/AAAAAAAAAKM/ANycwfDapCs/s320/garden.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5630991244175039682" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-LQhw4_Ba-C0/TiVMlMSHbzI/AAAAAAAAAKE/o3VYD_iiJKY/s1600/image_1.jpeg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 239px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-LQhw4_Ba-C0/TiVMlMSHbzI/AAAAAAAAAKE/o3VYD_iiJKY/s320/image_1.jpeg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5630991110932754226" /></a><br /> <br /> ลูกค้าท่านหนึ่งได้เมล์มาปรึกษาเรื่องผนังบ้านภายนอกชื้นจนสีหลุดล่อน แก้ปัญหาโดยการทาสีแล้วก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิม อันนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุครับ เพราะผนังได้รับความชื้นจากพื้นดินรอบๆอยู่ตลอดเวลา ผมได้ลองเสนอทางแก้ปัญหาไว้ 2 แบบ คือ กรุกระเบื้องลายหินธรรมชาติุสูงขึ้นมาจากพื้นดินสัก 60-80 ซม. ส่วนอีกวิธีคือเทพื้นซีเมนต์รอบบ้านแล้วทำรางระบายน้ำฝังท่อระบายน้ำปิดทับด้านบนด้วยกรวดแม่น้ำซะเลย ให้มันกลมกลืนกับงานจัดสวน วิธีนี้เป็นการตัดความชื้นไม่ให้เข้าสู่ผนังบ้านได้อย่างดี แต่ต้องอาศัยการออกแบบดีๆเพื่อให้ดูกลมกลืนกับสวน ผลพลอยได้ของการแก้ปัญหาทั้งสองอย่าง คือ ทำให้ผนังไม่สกปรกเวลาฝนตกแล้วเศษดินกระเด็นติดผิวผนัง แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้ซีเรียสกับความชื้นดังกล่าวก็ใช้วิธีปลูกไม้พุ่มรอบบ้านปิดบังผนังด้านนอกก็ได้ แต่ต้องมั่นตรวจสอบผนังด้านในบ้านด้วนะครับว่า ความชื้นได้ซึมเข้ามาด้านในจนสร้างความเสียหรือเปล่า<br /><br /><br /> การแก้ปัญหาด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทาผนังด้านนอกเพื่อไม่ให้ผนังอมความชื้นก็เป็นอีกทางเลือที่น่าสนใจครับ แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในครั้งแรก ลองสอบถามกับศูนย์สีชั้นนำดูครับ เดี๋ยวนี้สีทาบ้านเป็นมากกว่าการทาสีเพื่อความสวยงามแล้วครับ.........Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-8595535913940941492011-06-10T02:56:00.000-07:002011-06-10T03:24:41.161-07:00สถาปนิกอาสากับปัญหาเรื่องเสาเข็มวันนี้นึกขึ้นมาได้ว่าอยากเล่าเรื่อง การสร้างบ้านกับการเลือกเสาเข็ม มาตั้งนานแล้ว ผมเคยได้รับฟังปัญหาจากหลายๆท่านถึงปัญหาเพื่อนบ้านใหม่ที่กำลังปลูกบ้านใหม่หรือต่อเติมบ้าน ซึ่งมีการใช้เข็มตอกและทำให้เกิดความเสียหายกับบ้านข้างเคียง บางงานก็เป็นผู้รับเหมาทั่วๆไป บางงานเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่มีเชื่อเสียงเลยทีเดียว ผมไม่เข้าใจว่าถึงกล้าเสี่ยงที่จะใช้เสาเข็มตอกในเมื่อพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านข้างเคียงมากขนาดนั้น อาจจะด้วยมีเครื่องมือหรือเครื่องจักรอยู่แล้วหรือมีเพื่อนทำอาชีพนี้ ถ้าผมจำไม่ผิดการใช้เข็มตอกเราจะต้องมีการก่อสร้างจากอาคารข้างเคียง 10 เมตรขึ้นไป ยิ่งห่างยิ่งดี ถ้าจำเป็นต้องชิดจริงๆก็อาจจะใช้แผ่นเหล็กเสียบลงดินเป็นผนังกันกระเทือนได้เหมือนกัน แต่ค่าก่อสร้างคงจะสูงตามไปด้วย ผมว่าในกรณีที่จะต้องก่อสร้างหรือต่อเติมบ้านใหม่ที่พื้นที่ก่อสร้างอยู่ห่างจากบ้านข้างเคียงต่ำกว่า 10 เมตร ควรจะใช้เข็มเจาะมากกว่า หรือถ้า่ต่อเติมอาคารเพียงชั้นเดียวการเข็มคอนกรีตอัดแรงหกเหลี่ยมก็อาจจะเพียงพอแล้วครับ<br />ฝากถึงบริษัทรับสร้างบ้านด้วยครับว่า ก่อนคุณตกลงสร้างบ้านกับลูกค้าน่าจะมีผู้เชียวชาญสำรวจสถานที่ก่อสร้างซะก่อน จะได้แจ้งลูกค้าให้ทราบไปเลยว่าบ้านคุณต้องใช้เข็มเจาะ ราคาค่าก่อสร้างเท่านั้นเท่านี้ ดีกว่าปล่อยให้ลูกค้ารับวิบากกรรมตอนบ้านส้รางเสร็จ กลายเป็นศรัตรูกับเพื่อนบ้านไปโดยไม่รู้ตัว....................สถาปนิกอาสาUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-54062332648461604392011-05-17T08:17:00.000-07:002011-05-17T09:25:04.992-07:00สถาปนิกอาสา...กับบ้านตัวเองช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาลครับ หน้าฝนเริ่มเข้ามาแล้วเราคงต้องดูแลบ้านกันหน่อยครับ วันนี้พอจะมีเวลาเลยปีนหลังคาบ้านสำรวจรางน้ำ กระเบื้องหลังคา ไม่ได้ขึ้นมาเกือบปี ตอนนี้มีตะกอนดินจากไหนก็ไม่รู้ครับกองอยู่จนเริ่มมีต้นไม้ต้นเล็กๆงอก มีเศษใบไม้ ผลมะม่วงเน่าจนเหลือแต่เม็ดกองปิดรางน้ำ เลยจัดการลอกทำความสะอาดซะเลย ต่อมาสำรวจกระเบื้อง(ลอนคู่) มีบางแผ่นเริ่มมีรอยร้าวเล็ก จะจัดการทำความสะอาดและทาด้วยฟลินท์โคทท์ตามแนวร้าว ไหนๆขึ้นบนหลังคาแล้วก็เลยจัดการเล็มกิ่งมะม่วงที่เบียดตัวบ้านอยู่ด้วยซะเลย<br /> หน้าฝนนี้อย่าลืมสำรวจบ้านกันบ้างนะครับ....Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-30631160507444237132011-04-29T23:16:00.000-07:002011-05-03T04:52:00.990-07:00การดูแลบ้านหลังน้ำท่วม<span style="font-weight:bold;">วันนี้สถาปนิกอาสามีบทความดีๆเกี่ยวกับการดูแลบ้านหลังน้ำท่วม ซึ่งเป็นบทความจาก ท่านอาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ สถาปนิกอาวุโส และอดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ เพื่อแนะนำแนวทางง่ายๆ ในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของท่านหลังจากน้ำท่วมมาบอกเล่าให้ทราบกัน</span><br /><br /> - ระบบไฟฟ้า ขณะน้ำท่วมทุกบ้านคงจะปิดวงจรไฟฟ้าหรือคัทเอ้าท์ทั่วทั้งบ้าน ทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าเดินในระบบ ซึ่งลดอันตรายแก่ผู้อยู่อาศัย และแก้ปัญหาจากไฟฟ้าลัดวงจรได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อน้ำลดลงควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านของท่านดังนี้ครับ<br />เปิดคัทเอ้าท์ให้มีกระแสไฟฟ้าเข้ามา ถ้าปลั๊กหรือจุดใดจุดหนึ่งในระบบยังเปียกชื้นอยู่ คัทเอ้าท์จะตัดไฟและฟิวส์จะขาดให้เปลี่ยนฟิวส์แล้วทิ้งไว้ 1 วันให้ความชื้นระเหยออกไปแล้วลองทำใหม่ หากยังเป็นเหมือนเดิมคงต้องตามช่างไฟมาแก้ไขดีกว่าเสี่ยงชีวิตครับ<br />เมื่อทดสอบผ่านขั้นตอนแรกไปแล้ว ลองทดสอบเปิดไฟฟ้าทีละจุดและทดสอบกระแสไฟฟ้าในปลั๊กว่ามาปกติหรือไม่ด้วยไขควงทดสอบไฟ หากทุกจุดทำงานได้ก็สบายใจได้ หากมีปัญหาอยู่ต้องรอให้ความชื้นระเหยออกก่อน ถ้ายังมีปัญหาก็คงต้องตามช่างมาแก้ไขหรือเปลี่ยนปลั๊ก/ สวิช์เหล่านั้นครับ ลองดับไฟทุกจุดในบ้าน ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทั้งหมด แต่ยังเปิดคัทเอ้าท์ไว้แล้งววิ่งไปดูมิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้านว่าหมุนหรือไม่ หากไม่เคลื่อนไหวแสดงว่าไฟฟ้าในบ้านเราไม่น่าจะรั่ว แต่ถ้ามิเตอร์หมุนแสดงว่าไฟฟ้าในบ้านท่านอาจจะรั่วได้ ให้รีบตามช่างไฟมาดูแลโดยเร็วครับ หากพอมีงบประมาณสำหรับปรับเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในบ้านของท่าน แนะนำให้ตัดปลั๊กไฟในระดับต่ำๆ ในบ้านชั้นล่างออกให้หมด (ถ้าคิดว่าน้ำท่วมอีกแน่ๆ ) แล้วปรับตำแหน่งปลั๊กไฟไปอยู่ที่ระดับประมาณ 1.10 เมตร หลังจากนั้นควรแยกวงจรไฟฟ้าออกเป็น 2-3 วงจร คือ 1. วงจรไฟฟ้าสำหรับบ้านชั้นล่าง (ที่น้ำอาจท่วมถึง) 2. วงจรไฟฟ้าสำหรับบ้านชั้นบนขึ้นไป (ที่น้ำท่วมไม่ถึง) 3. วงจรสำหรับเครื่องปรับอากาศ การกระทำดังกล่าวจะทำให้ท่านควบคุมการเปิด-ปิดวงจรไฟฟ้าในบ้านได้อย่างอิสระ และง่ายต่อการซ่อมแซมบำรุงรักษาครับ<br /><br /> - ระบบประปา เป็นอีกระบบที่มีความสำคัญเพราะเกี่ยวกับสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัย มีแนวทางตรวจสอบระบบประปาในบ้านหลังน้ำท่วมดังนี้ครับ ถ้ามีบ่อเก็บน้ำใต้ดิน หรือถังเก็บน้ำในระดับน้ำท่วมถึง พึงระลึกเสมอว่าน้ำที่ท่วมเป็นน้ำสกปรกเสมอ ดังนั้นควรล้างทำความสะอาดถังน้ำ และบ่อน้ำให้สะอาดเพื่อความปลอดภัยของท่านและสมาชิกในบ้าน โดยไม่เสียดายน้ำ แล้วจึงปล่อยน้ำประปาใหม่ลงเก็บไว้ใช้งานอีกครั้งหนึ่งครับบ้านที่มีระบบปั๊มน้ำควรตรวจสอบอุปกรณ์ปั๊มน้ำ และถังอัดความดันว่าใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่ โดยพิจารณาเสียงเครื่องทำงาน ดูแรงดันน้ำในท่อว่าแรงเหมือนเดิม (ก่อนน้ำท่วม) หรือไม่ หลังจากนั้นตรวจสอบดูว่าถังอัดความดันทำความดันได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่ หากมีความผิดปกติควรตรวจสอบด้วยการแกะ แงะ ไข ว่ามีเศษผง สิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน กีดขวางการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้หรือไม่หากปั๊มน้ำที่บ้านท่านถูกน้ำท่วม ให้เดาไว้ก่อนว่าน่าจะเสียหายและหากใช้งานต่อไปเลยอาจเกิดอันตรายจากความชื้นในมอเตอร์ได้ ควรเรียกหาช่างมาทำให้แห้งเสียก่อนตามกรรมวิธีทางเทคนิค (ที่ไม่ใช่นำไปตากแดดแบบเนื้อเค็ม) เพื่อลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้ในตัวมอเตอร์ได้ครับ<br /><br /> - อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้แก่เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า มอเตอร์ และอาจรวมไปถึงรถยนต์ก็ได้ เป็นเครื่องจักรกลที่เราท่านไม่น่าประมาท หรือหาทางแก้ไขซ่อมแซมเอง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าเพิ่งใช้เด็ดขาด เพราะอุปกรณ์เครื่องใช้เหล่านี้เมื่อโดนน้ำท่วม ก็แสดงว่าน้ำไหลเข้าไปในเครื่องเรียบร้อยแล้ว เราไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าอุปกรณ์เครื่องใช้เหล่านี้จะป่วยไข้ เสียหายแค่ไหน การนำไปตากแดดแล้วมาใช้งานต่อเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อชีวิตท่าน และอัคคีภัยในบ้านท่านมากจากการลัดวงจรของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องกลของเครื่องเหล่านั้น แต่ถ้าหากจะยังใช้งานจริงๆ ก็มีข้อแนะนำดังนี้ครับคือ ตลอดเวลาที่ใช้ต้องมีคนอยู่ด้วยเสมอ เผื่อเวลาฉุกเฉินจะได้ปิดเครื่อง ดึงปลั๊กได้ทันทีที่ Cut out ไฟฟ้าหลักของบ้านท่าน ต้องมีฟิวส์คุณภาพติดตั้งเสมอ หากเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเมื่อใด ต้องแน่ใจว่าวงจรไฟฟ้าจะถูกตัดออกทันทีเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ต้องรีบนำไปแก้ไขซ่อมแซมโดยช่างผู้รู้ทันทีครับUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-30939897256950694152011-04-15T10:56:00.000-07:002011-04-15T11:30:09.825-07:00สถาปนิกอาสากับป้าหมวย<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-jm7YDP_ckeQ/TaiNkHascJI/AAAAAAAAAJ4/AzNe1DvqFs4/s1600/%25E0%25B8%259B%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 240px; height: 320px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-jm7YDP_ckeQ/TaiNkHascJI/AAAAAAAAAJ4/AzNe1DvqFs4/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5595878188613660818" /></a><br /><br /> <br /> เมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคมผมได้รับเมล์ฉบับหนึ่งเล่าเรื่องและขอความช่วยเหลือให้กับ<span style="font-weight:bold;"> ป้าหมวย </span>ที่เป็นผู้ใจบุญนำสุนัขและแมวข้างถนนมาเลี้ยงไว้ภายในบ้าน แต่วันนึงบ้านป้าหมวยเกิดไฟไหม้ขณะที่ป้าหมวยไม่อยู่บ้านทำให้แมวตายไปหลายตัว ข่าวเหตุไฟไหม้ออกข่าวและถูกส่งต่อด้วยสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ความช่วยเหลือเบื้องต้นเช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ อาหารหมาและแมว ถูกส่งมาช่วยมากมาย ผมได้เข้าไปดูสถานที่ในฐานะสถาปนิกอาสาในวันถัดมาหลังจากทราบข่าวว่าจะช่วยเลืออะไรได้บ้าง ภาพที่เห็นก็ชวนให้สงสารและคิดว่าคงต้องช่วยจัดระบบต่างๆให้ป้าหมวยใหม่ด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะอยู่ในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะต่อไป เช่น ต้องเพิ่มระบบบำบัดน้ำเสียของบ้านและส่วนเลี้ยงสัตว์ แยกส่วนพักอาศัยกับเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ในส่วนเรื่องการนำสัตว์มาเลี้ยงแบบนี้ ผมมองว่าควรทำแบบเป็นระบบด้วย คือ จัดให้มีการฉีดยาและทำประวัติ หรือทำหมันหมาแมวทุกต้วด้วย เพื่อจะได้ไม่สร้างปัญหากับผู้อาศัยข้างเคียง<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/-oCTDn1k99qg/TaiM8jH4VhI/AAAAAAAAAJw/JAKzyx5pRxI/s1600/P3280016.JPG"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 240px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-oCTDn1k99qg/TaiM8jH4VhI/AAAAAAAAAJw/JAKzyx5pRxI/s320/P3280016.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5595877508856174098" /></a><br /> โชคดีที่ไฟไหม้ครั้งนี้เสียหายเฉพาะโครงสร้างชั้นสอง ส่วนเสาชั้นล่างยังใช้ได้ ผมจึงออกแบบใหม่โดยใช้ขนาดบ้านเดิมเป็นหลัก เพื่อง่ายต่อการใช้งานแบบเดิมของป้าหมวยและง่ายต่อการขออนุญาตก่อสร้างด้วยUnknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-60268341571989508802011-02-23T06:23:00.000-08:002011-04-15T11:39:36.530-07:00อะไรคือ....ไฟฟ้า 1 เฟส และ 3 เฟส<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-o0-TlCGKgZA/TWUjj1A802I/AAAAAAAAAJg/gG6I3MECDXw/s1600/02-2%2B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A3%2B3%2B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25AA%2B%2B4%2B%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 135px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-o0-TlCGKgZA/TWUjj1A802I/AAAAAAAAAJg/gG6I3MECDXw/s320/02-2%2B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A3%2B3%2B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25AA%2B%2B4%2B%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576902812001686370" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-D9AJdmXkyhs/TWUjZRPPVYI/AAAAAAAAAJY/Wv_sKDblj0Y/s1600/02-1%2B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A3%2B1%2B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25AA%2B%2B2%2B%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 133px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-D9AJdmXkyhs/TWUjZRPPVYI/AAAAAAAAAJY/Wv_sKDblj0Y/s320/02-1%2B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A3%2B1%2B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25AA%2B%2B2%2B%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5576902630599251330" /></a><br /><br /> วันนี้ขออนุญาตินำบทความเรื่องราวเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้านพักอาศัยมาเล่าสู่กันฟัง<br /> ระบบไฟฟ้าที่การไฟฟ้าจ่ายมาตามบ้านพักอาศัยจะเรียกกันว่าระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ<br />แบบระบบไฟฟ้า 1 เฟสและระบบไฟฟ้า 3 เฟส เราจะมาดูรายละเอียดกันว่าแต่ละแบบต่างกันอย่างไร<br /> <br /> - <span style="font-weight:bold;">ระบบไฟฟ้า 1 เฟส</span> เป็นระบบที่สายไฟ 2 เส้นโดยเส้นหนึ่งจะมีกระแสไฟจะเรียกว่า สายเฟส และสายอีกเส้นจะไม่มีกระแสไฟจะเรียกว่า สายนิวตรอน ที่นี้ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าสายไหนเป็นสายเฟสหรือสายนิวตรอน เราลองนำไขควงที่ใช้วัดกระแสไฟแตะที่สายไฟ ถ้าไขควงมีไฟติดแสดงว่าเส้นนั้นคือ สายเฟสหรือสายที่มีกระแสไฟวิ่งอยู่(จับด้วยมือเปล่า..ไม่ได้) ซึ่งหากใช้เครื่องมือวัดแรงดันกระแสไฟฟ้าระหว่างสายทั้งสองก็จะได้เท่ากับ 220 โวล์ต<br /><br /> - <span style="font-weight:bold;">ระบบไฟฟ้า 3 เฟส</span> เป็นระบบที่มีสายไฟ 4 เส้น โดยจะมีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ 3 เส้นและสายนิวตรอน 1 เส้น เราจึงมักเรียกระบบสายแบบนี้ว่า ระบบไฟฟ้า 3 เฟส และก็มีแรงดันระหว่างสายเฟสและสายนิวตรอนเท่ากับ 220 โวล์ตเช่นเดียวกัน โดยสายเฟสแต่ละเส้นมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ถึง 380 โวล์ต ซึ่งทำให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าระบบสาย 1 เฟสถึง 3 เท่า จึงเหมาะกับอาคารขนาดใหญ่หรือบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ที่มีการใช้ไฟฟ้ามากเป็นพิเศษ <br /><br /><br /> เมื่อเราจะสร้างบ้านพักอาศัยอย่าลืมปรึกษาวิศวกรไฟฟ้าทุกครั้ง แจ้งความต้องการการใช้ไฟฟ้า ประเภท จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านให้ละเอียดที่สุด เพื่อที่จะได้วางแผนการก่อสร้างในส่วนของงานระบบได้อย่างถูกต้อง เพราะเมื่อท่านจะขอมิเตอร์จากการไฟฟ้าฯ ท่านจะต้องเดินสายไฟภายในให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นการไฟฟ้าจะเข้ามาตรวจสอบการเดินสายไฟ ถ้าการเดินสายถูกต้องตามมาตรฐานการไฟฟ้าฯ การไฟฟ้าฯจึงจะทำการติดตั้งมิเตอร์ให้ท่านได้....Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-87985225569270421952011-02-08T13:51:00.000-08:002011-05-03T04:54:02.168-07:00ปัญหาประปา....ที่ไม่น่ากลุ้ม<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TVG7IcAZd1I/AAAAAAAAAJA/fI_z9gxVsa4/s1600/shower2.png"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 198px;" src="http://2.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TVG7IcAZd1I/AAAAAAAAAJA/fI_z9gxVsa4/s200/shower2.png" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5571439967665223506" /></a><br /><br />วันนี้มีเคล็ดลับดีๆสำหรับการแก้ปัญหาที่เกิดจากงานประปาชำรุดเสียหาย บางปัญหาต้องให้ช่างผู้ชำนาญเป็นผู้แก้ไข แต่บางปัญหาเราก็สามารถแก้ได้ด้วยตัวเองนะครับ วันนี้มีเคล็ดลับ การดูแลรักษาฝักบัว หัวฝักบัวเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง จะมีคราบหินปูนเกาะบริเวณรูฝักบัว ซึ่งคราบหินปูนเหล่านี้เกิดจากน้ำประปาที่เราใช้นี่เอง เวลาเราเปิดน้ำใช้งานทำให้น้ำไหลไม่สะดวก หรือไม่ทิศทางการไหลเปลี่ยนไปทำให้การอาบน้ำดูทุลักทุเลน่าดู<br /><br />วิธีแก้ เอาวิธีแบบบ้านๆเลยก็ให้ถอดหัวฝักบัวดังกล่าวมาแช่ในน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้สัก 20-30 นาที<br /><br />ปัญหาฝักบัวตันอีกแบบหนึ่งที่เราพบอยู่เสมอ คือ ตะกอนที่ปนมากับน้ำอุดตันบริเวณฟิลเตอร์ อันนี้ไม่ยากครับ ถอดสกรูเอาฟิลเตอร์ออกมาล้างทำความสะอาดแล้วใส่กลับไปเราก็จะได้ฝักบัวอันใหม่(อันเดิม)แล้วครับUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-86944619576980785492011-02-04T05:19:00.000-08:002011-02-05T01:12:52.635-08:00<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TUv9TnweiEI/AAAAAAAAAI4/DblWLLum5ZM/s1600/kitchen.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 146px;" src="http://2.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TUv9TnweiEI/AAAAAAAAAI4/DblWLLum5ZM/s200/kitchen.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5569823877705402434" /></a><br />งานตกแต่งห้องครัวใหม่เป็นงานที่มีงานระบบเข้ามาสัมพันธ์กับงานตกแต่งหลายส่วน เช่น ระบบประปา ระบบไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ ดังนั้นผู้ออกแบบและเจ้าของบ้านต้องสรุปแบบงานตกแต่งให้เสร็จเรียบร้อยก่อนงานระบบจะเข้ามาทำเพื่อให้งานก่อสร้างไม่สะดุดและไม่เกิดความเสียหายภายหลัง สิ่งหนึ่งที่จำเป็นจะต้องทำก็คือ การนำเสนอภาพ 3 มิติให้แก่เจ้าของบ้านพิจารณาก่อนทำงาน เพื่อจะได้นึกภาพหลังจากงานเสร็จแล้วออก ถ้ามีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานก็จะได้ปรับเปลี่ยนได้ทันการณ์ ในการทำงานจริงผู้ออกแบบต้องระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในห้องครัวก่อนเพื่อจะได้ทราบขนาดที่จะไปสัมพันธ์กับงานระบบUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-19789653910660836732011-02-02T00:07:00.000-08:002011-02-05T01:11:30.818-08:00ผนังบ้านร้าว<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TUkRQlQkPRI/AAAAAAAAAIw/_H9FrVajIQY/s1600/DSCF0844.JPG"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 112px;" src="http://2.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TUkRQlQkPRI/AAAAAAAAAIw/_H9FrVajIQY/s200/DSCF0844.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5569001390797503762" /></a><br />ผมได้มีโอกาสให้คำปรึกษาสมาชิกท่านหนึ่ง เรื่อง ผนังบ้านร้าว จากการที่ได้ไปดูที่บ้านจึงทำให้รู้ว่า ปัญหารอยร้าวเกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ<br /><br /><br /><br />1. บ้านทรุดตัวเนื่องจากโครงสร้าง สังเกตได้จากรอยร้าวที่ทำทิศทางเฉียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งต้องให้วิศวกรมาตรวจสอบอีกครั้งว่าจะซ่อมแซมอย่างไร<br /><br />2. รอย ผนังบ้านร้าว เนื่องจากตอนก่อสร้างไม่ได้ทำทับหลังและเอ็น คสล. รัดรอบวงกบประตูหน้าต่าง เมื่อเราใช้งานบ่อยๆก็ทำให้เกิดรอยร้าวตามมุมวงกบ ถ้าไม่รีบแก้ไขก็จะทำให้น้ำฝนซึมเข้ามาสร้างความเสียหายกับงานพื้นและสีภายในได้ ในกรณีนี้การซ่อมไม่ยากเท่ากรณีแรก เพียงสกัดปูนฉาบตามแนวรอยร้าวกว้างประมาณ 3-4 ซม. ทำความสะอาดแนวที่สกัด จากนั้นใช้ปูนสำหรับซ่อมรอยร้าว(ไม่ใช่ปูนซ่อมโครงสร้างนะครับ)ฉาบตามแนวที่เราสกัดให้เรียบ ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทแล้วค่อยทาสีเก็บUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-91783230710578864372010-11-04T03:02:00.001-07:002011-02-05T01:10:24.376-08:00หนังสือที่คนไทยควรอ่าน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TNKE22mrBUI/AAAAAAAAAHw/262DpAxiuXA/s1600/P7130074.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 150px; height: 200px;" src="http://3.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TNKE22mrBUI/AAAAAAAAAHw/262DpAxiuXA/s200/P7130074.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5535632969897280834" /></a><br /><br /> หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือสำหรับคนไทย ถ้าอ่านแล้วนำไปปฏิบัติตามประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจทางการเกษตร มีกินมีใช้ พออยู่ เหลือค้าขาย และแบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ แต่เราไม่ต้องการเป็นมหาอำนาจหรอก เราแค่อยากเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกก็พอ.....โดยมีในหลวงทรงเป็นประมุขUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-16754130925496399112010-11-03T10:57:00.000-07:002011-02-05T01:09:10.860-08:00ก้าวแรกของภาคี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TNGkYIBorkI/AAAAAAAAAHg/qK3v2IDgr68/s1600/5-388.jpg.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 120px; height: 120px;" src="http://4.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TNGkYIBorkI/AAAAAAAAAHg/qK3v2IDgr68/s200/5-388.jpg.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5535386151393209922" /></a><br /> วันนี้ได้รับโอกาสจากคุณหมอปัญญา ไข่มุก ผู้ดูแลกำกับงานทางด้านสุขภาพและการอกกำลังกายของ สสส. ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่รพ.เทพธารินทร์ เพื่อทำความรู้จักและแนะนำงานของ สสส.ที่ผมจะเข้าไปร่วมงานเป็นภาคีด้านการออกแบบและวางผังพื้นที่ออกกำลังสำหรับประชาชน บรรยากาศเป็นไปแบบสบายๆ คงจะมีการร่วมประชุมกับคณะกรรมการชุดใหญ่เร็วๆนี้<br /> ผมอยากให้เพื่อนๆที่สนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มภาคีทำงานร่วมกันครั้งนี้แจ้งความจำนงค์และความถนัดเพื่อรวมกลุ่มกันทำงานในอนาคต<br />คุณหมอแจ้งว่าเราจะเริ่มโครงการ Healhty space ในกรุงเทพฯก่อน อาจจะเป็นพื้นที่โรงเรียนของกรุงเทพฯ เป้าหมายของงาน คือ การสร้างพื้นที่ออกกำลังกายในทุกจังหวัด และจะต้องเป็นการทำงานแบบบูรณาการ คือ ชุมชนต้องดูแลพื้นที่กันเองได้ภายหลังและมีส่วนร่วมในการทำงานด้วยกันกับ สสส. จะทำให้พวกเขารักและช่วยกันดูแลพื้นที่กันต่อไปUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-55970934793008575822010-11-02T00:42:00.000-07:002011-02-05T01:07:35.466-08:00ขอไว้อาลัยคุณครู<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TM_CMQhahZI/AAAAAAAAAGQ/1S0Uo-rC4Ak/s1600/%E0%B8%AD.%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 246px; height: 320px;" src="http://1.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TM_CMQhahZI/AAAAAAAAAGQ/1S0Uo-rC4Ak/s320/%E0%B8%AD.%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5534855982910965138" /></a><br /><br />วันนี้ทราบข่าวการจากไปของ ท่านอาจารย์เรืองศักดิ์ กันตระบุตร หรือ อาจารย์ปู่ที่ในหมู่ลูกศิษย์มักจะชื่อนี้เสมอ นับเป็นการูญเสียบุคคลากรของวงการสถาปัตยกรรมและการศึกษาที่สำคัญครั้งหนึ่ง กระผมหนึ่งในลูกศิษย์ที่ได้มีโอกาสเรียนกับท่าน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยครับUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-78997391109058360642010-11-01T21:25:00.001-07:002011-04-25T05:09:53.922-07:00ชีวิต.....เติมน้ำเปล่า<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TP8YSFd-RPI/AAAAAAAAAIQ/pB3JxvAwyOE/s1600/wasu.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 133px;" src="http://4.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TP8YSFd-RPI/AAAAAAAAAIQ/pB3JxvAwyOE/s200/wasu.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5548179964928345330" /></a><br /><a href="http://www.facebook.com/photo.php?fbid=472826059372&set=a.396837939372.175244.200360574372"></a><br /><br />วันที่นั่งเขียนบล็อคอยู่นี้ เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่สำหรับคนไทยเกือบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางกับภาคอีสาน เมื่อคืนก็เกิดขึ้นที่ภาคใต้อีก หลายคนได้รับความทุกข์กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมได้แต่ติดตามข่าวด้วยความเป็นห่วง บ้านเรานี่ก็แปลกดียามหน้าแล้งก็ขาดน้ำจนไม่เหลือติดเขื่อน ยามหน้าฝนน้ำก็มากเกินจนล้นเขื่อนต้องระบายออก ผมไม่รู้ว่าทำไมเรายังจัดการกับเรื่องนี้ไม่ได้เสียที สงสารชาวบ้านที่น้ำท่วมที่นา ในยามนี้ที่มีแต่ความทุกข์ถาโถมสู่ต่างจังหวัดก็จะเห็นน้ำใจคนไทยด้วยกันจากพื้นที่อื่นๆเข้าช่วยเหลือกันเสมอ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าในสังคมยังมีคนคิดดีทำดีอยู่ปะปนกัน ไม่มีใครดี 100% และไม่มีใครเลวจน 100% หรอก วันหนึ่งๆถ้าซอยชีวิตออกเป็นช่วงสั้นจะห็นว่าเราทุกคนล้วนคิดดี(กุศล)คิดเลว(อกุศล)สลับกันไปทั้งวัน ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง ท่านเปรียบการทำอกุศลของคนเราวันหนึ่งๆเหมือนการเติมน้ำเกลือลงในแก้วน้ำ ถ้าวันหนึ่งเราทำอกุศลมากก็น้ำในแก้วก็จะเค็มจนดื่มไม่ได้ แต่ถ้าวันหนึ่งเราทำกุศลบ้างก็เปรียบเสมือนการเติมน้ำเปล่าลงไป เราไม่สามารถทำให้น้ำในแก้วเป็นน้ำเปล่าได้แต่ เราสามารถทำให้น้ำในแก้วเค็มน้อยลง...ในยามที่บ้านเรามีน้ำมาก(เกินไป) เราควรหมั่นเติมน้ำเปล่าให้กับชีวิตของเราบ้าง น้ำท่วมได้ก็ลดได้ครับ..มีสติไว้Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1765342263079772382.post-6260244540839073702009-11-28T13:48:00.000-08:002011-02-05T01:04:52.727-08:00ชีวิตที่เหลือเพื่อสังคม(บ้าง)<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TNAnI9vvQBI/AAAAAAAAAHI/EfZlttt8Zqs/s1600/dsc_0112-578x8002.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 144px; height: 200px;" src="http://1.bp.blogspot.com/_WiEjbdwO42k/TNAnI9vvQBI/AAAAAAAAAHI/EfZlttt8Zqs/s200/dsc_0112-578x8002.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5534966977005568018" /></a><br /><br />อาจารย์ที่เป็นสถาปนิกของผมเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทราบข่าวตอนแรกก็ตกใจและเสียใจเพราะท่านเป็น<span style="font-weight:bold;">ครู</span>ที่ดีคนนึงที่ผมรู้จัก เป็นสถาปนิกที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งในวงการ ท่านมีคนรักและนับถือมากจริงๆ<br />นั่งอ่านข้อความไว้อาลัยแล้วชื่นใจแทนท่าน อ้อ...ท่านเป็นพ่อที่น่ารักด้วยนะ ผมในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่งชื่นชมท่านและอยากเป็นตัวอย่างที่ดีของวิชาชีพสถาปนิก อาจารย์ครับผมจะเป็นคนดี.............<br /><br />ผมอยากสร้างเครือข่ายของสถาปนิกอาสาและเพื่อนๆในวิชาชีพที่เกี่ยวข้องทำงานเพื่อสังคม ไม่จำเป็นต้องงานสเกลใหญ่ เช่น ผมเคยออกแบบบ้านให้หมาจรจัดแถวอ่อนนุช เพราะงานที่ผมเข้าไปปรับปรุงมีหมามาสร้างครอบครัวกันหลายตัว ผมกับพี่ที่คอยให้ข้าวขับรถหาที่อยู่ใหม่ให้มัน ไปติดต่อขอที่ว่างชาวบ้านแถวนั้น ต้องเน้นว่าแถวนั้น เพราะเป็นห่วงว่าหมามันจะไม่คุ้นเคยกับที่ไกล (ไปตลาดไม่ถูก) ต้องยกความดีให้พี่ดูแลหมาที่ละเอียดอ่อนมาก นี่เป็นตัวอย่างแบบหมาๆ ผมว่ายังมีอะไรที่สถาปนิกอย่างเราต้องทำอีกเยอะเลย....เพื่อสังคม(บ้าง)Unknownnoreply@blogger.com3